หางานบัญชี หาพนักงานบัญชี หางานทนายความ ลงประกาศรับสมัครงานบัญชี รับนักศึกษาฝึกงานบัญชี รับผู้สอบบัญชี รับผู้ทำผู้ทำบัญชี นักศึกษาฝึกงานบัญชี,ทนายความ และผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับงานบัญชี,กฎหมายและทนายความ
·
นักบัญชีมีลักษณะงานอย่างไร ?
1.
การบัญชีการเงิน (Financial Accounting) เน้นการนำเสนอแก่ทั้งบุคคลภายในและภายนอกธุรกิจองค์กร ได้แก่
บุคคลในภายในบริษัททั่วไปลูกจ้าง สามารถดูรายการบันทึกบัญชีได้ นำเสนอแก่นักลงทุน
นำเสนอแก่เจ้าหนี้ นำเสนอแก่ผู้ถือหุ้น หน่วยงานราชการเช่น กรมสรรพากร เป็นต้น
2.
การบัญชีบริหาร (Managerial Accounting) เพื่อนำเสนอแก่คนภายในองค์กรในระดับผู้บริหารโดยเฉพาะ
เพื่อวางแผนการดำเนินงาน วางกลยุทธ์องค์กรได้
ลักษณะข้อมูลเป็นข้อมูลเฉพาะเพื่อให้สะดวกต่อการเรียกดูข้อมูลเพื่อประชุมเพื่อวางแผน
ฯลฯ ขององค์กรต่อไปได้ ได้แก่ กรรมการบริหาร ผู้จัดการ หัวหน้าฝ่าย หัวหน้าแผนก เป็นต้น
ประเภทงานของการเป็นนักบัญชี มี 3 ประเภทใหญ่ ได้แก่
1.
งานบัญชีของธุรกิจ (Private Accounting) คือ ลักษณะงานบัญชีแบบบัญชีทั่วไป
หรือเป็นนักบัญชีที่รับทำให้แก่บริษัทเอกชนทั่วไปโดยจะมีตำแหน่งงานเฉพาะในบริษัทเอกชน
หรือทำงานในสำนักงานบัญชีสักแห่ง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นนักบัญชีส่วนใหญ่เลยที่ได้ทำงานบัญชีธุรกิจเอกชน
เพราะธุรกิจหน่วยงานเอกชนมีความต้องการนักบัญชีสังกัดของตนเองค่อนข้างสูง
ยิ่งนักบัญชีที่มีประสบการณ์ก็จะถูกซื้อตัวผ่านหน่วยงานธุรกิจได้เช่นกัน
2.
งานบัญชีสาธารณะ (Public Accounting) คือ งานบัญชีอิสระ ที่ผู้ทำบัญชีจะให้บริการด้านการบัญชีโดยไม่ต้องเป็นลูกจ้างของหน่วยงาน
หรือองค์กรใด โดยนักบัญชีสามารถรับทำอาชีพนักบัญชีอิสระตัวเองได้เลย เช่น
เป็นนักบัญชีอิสระรับทำบัญชีเฉพาะด้าน รับจดบันทึกบัญชี
ไม่ต้องขึ้นอยู่กับองค์กรใด โดยจะสามารถรับทำบัญชีได้ในหลายหน่วยงานองค์กร
แต่นักบัญชีจะต้องรักษาความลับของแต่ละหน่วยงานให้ได้
นอกจากนี้การเป็นนักบัญชีอิสระยังสามารถเลือกรับงานสอนได้เอง
โดยจะต้องมีวินัยการทำงานการเป็นนักบัญชีอิสระอย่างมาก
เพราะถือว่าไม่ได้สังกัดหน่วยงานธุรกิจไหนเลย
คุณสมบัติอะไร ..ที่ทำให้คุณเป็นนักบัญชีที่ดี
คุณสมบัตินักบัญชี
หากพูดถึงอาชีพนักบัญชีทุกคนก็คงจะนึกถึงนักบัญชีที่ต้องทำงานอยู่กับการทำงานกับเอกสารตัวเลขหรือคอมพิวเตอร์โปรแกรมเพียงเท่านั้น
แท้จริงแล้วนักบัญชีนั้นจำเป็นจะต้องมีคุณสมบัติหลายประการเพื่อทำให้นักบัญชีนั้นเป็นบัญชีที่ดีและมีคุณภาพหรือเรียกง่ายๆว่าเป็นนักบัญชีที่มีจรรยาบรรณของอาชีพนักบัญชีที่ดีนั้นเอง
เช่นเดียวกับอาชีพอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นจรรยาบรรณในอาชีพครู
จรรยาบรรณในอาชีพหมอและพยาบาล เป็นต้น นักบัญชีที่ดีได้จะต้องมีคุณสมบัตินักบัญชีเหล่านี้เพื่อให้บุคคลเป็นนักบัญชีที่
เรียกได้ว่ามีศักยภาพในการเป็นนักบัญชีที่ดีอย่างเต็มตัวได้นั่นเอง
1.
ซื่อสัตย์ในวิชาชีพ
กล่าวคือนักบัญชีจะต้องมีจรรยาบรรณวิชาชีพของตนเอง คำว่าซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพของนักบัญชีจึงหมายความรวมไปถึงซื่อสัตย์ในอาชีพ
นักบัญชีต้องซื่อสัตย์ในตัวเองไม่ว่าบริษัทหรือองค์กรที่ทำงานร่วมด้วยจะทราบข้อมูลเชิงลึกขนาดไหนนักบัญชีก็ต้องให้ข้อมูลอย่างเป็นความจริงตรงไปตรงมารวมทั้งนักบัญชีจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลหรือความลับของบริษัท
หรือแสดงตัวเลขความเคลื่อนไหวทางการเงินให้กับบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องคนอื่นได้รู้ข้อมูลเป็นอันขาด
ไม่ใช่แค่กระปุกคนภายนอกแต่หมายถึงในบริษัทเองด้วยเช่นกันนักบัญชีจะต้องให้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นและเฉพาะกับบุคคลที่ได้ทำการตกลงกับบริษัทไว้แล้วเท่านั้น
2.
รอบคอบและรับผิดชอบ
กล่าวคือในการทำงานจำเป็นจะต้องอาศัยความละเอียดความรู้ความสามารถประกอบกับความรอบคอบจะทำงานอย่างลวก
ๆ
ให้เสร็จโดยเร็วโดยไม่ได้ไต่ตรองหรือพิจารณาอย่างถี่ถ้วนหากไม่แน่ใจนักบัญชีไม่ควรนำเสนอข้อมูลที่มีโอกาสผิดพลาด
เพราะอาจจะส่งผลถึงการทำงานในระยะยาวทั้งต่ออาชีพนักบัญชีรวมทั้งบุคคลที่ทำงานร่วมด้วย
นักบัญชีจะต้องรอบคอบด้วยการเก็บหลักฐานเอกสารอยู่เสมอ
รวมทั้งจะต้องมีความรับผิดชอบในการทำงานในหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี
3.
มุ่งมั่นตั้งใจและอดทน
อาจจะฟังดูเป็นคำที่ปกติไม่มีอะไรมากมายแต่แท้จริงแล้วในการทำงานระบบบัญชีจะต้องอาศัยความตั้งใจในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดีประกอบกับความอดทนจะย่อท้อแล้วทิ้งงานไปการคันไม่ได้เด็ดขาด
วันนี้คุณสมบัติของนักบัญชีที่ดีเหล่านี้จะต้องอาศัยความมุ่งมั่นและตั้งใจรวมไปทั้งจิตใจของนักบัญชีเองที่จะต้องรักในอาชีพของการเป็นนักบัญชีที่ดี
ไม่ใช่แค่การคำนึงถึงผลประโยชน์แต่ตัวเองรับเงินเดือนและทำงานแต่ตัวเลขบัญชีเท่านั้น
ถ้าเช่นนั้นนักบัญชีก็ไม่ต่างอะไรกับคอมพิวเตอร์
ดังนั้นนักบัญชีที่ดีจะต้องเอาความเป็นมนุษย์ผสมผสานรวมลงไปกับการทำงานในอาชีพบัญชีได้เป็นอย่างดีการทำงานอาชีพบัญชีจึงจะเกิด
ประโยชน์สูงสุดให้กับตัวของนักบัญชีเอง
รวมทั้งสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดกับตัวของผู้ที่ทำงานร่วมด้วยเช่นกัน
หน้าที่นักบัญชี
เลือกเป็นนักบัญชีแล้ว
ต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง
ใครหลายคนคงคิดว่านักบัญชีก็คงทำงานเหมือน ๆ กัน
แค่ทำงานอยู่แต่กับตัวเลขเท่านั้น ทำเรื่องเกี่ยวกับงบการเงิน
การบัญชีทั่วไปไม่ต่างกันมาก
แท้จริงแล้วสำหรับนักบัญชีนั้นจะมีหน้าที่ด้วยกันหลายอย่างซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของนักบัญชีเป็นหลักด้วยเช่นกัน
และตำแหน่งของการทำงานนักบัญชีนั้นก็จะมีเหมือนตำแหน่งย่อย ๆ หลายตำแหน่งด้วยกัน ก่อนอื่นเลยเราต้องไปรู้จักกับนักบัญชีกันก่อนว่าเมื่อได้ตัดสินใจเรียนบริการธุรกิจ
โดยเลือกเรียนด้านบัญชีการเงินแล้วจะมีสายงานหลัก ๆ อะไรกันบ้าง
และเมื่อได้รู้จักกับสายงานแล้วก็จะชี้แจงหน้าที่ของนักบัญชีในตำแหน่งนั้นในลำดับถัดไป
เมื่อเลือกอาชีพเป็นนักบัญชีนักการเงินแล้ว
ก็จะมองเห็นภาพได้ว่าสามารถเลือกเส้นทางอาชีพสายตรงได้ 4 สายหลักๆ ดังต่อไปนี้
1.
สายการธนาคาร (Banking)
มีหน้าที่ทำงานเป็นนักการเงินมีตั้งแต่การปล่อยสินเชื่อธนาคาร
ขายประกันภัยให้ธนาคาร แนะนำสินเชื่อให้ลูกค้า วิเคราะห์เครดิต
วิเคราะห์ธุรกิจและโครงการ การจัดวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้า
ต้องอาศัยทั้งความรู้การปล่อยสินเชื่อ งานบริหารเงิน ทั้งเงินบาทและสกุลต่างประเทศ
การเป็นดีลเลอร์และเทรดเดอร์ โดยจะต้องมีไหวพริบการตัดสินใจ
เพื่อเป็นที่ปรึกษาได้ด้วยเช่นกัน หากมีความรู้ทางคณิตศาสตร์ด้วยจะมีประโยชน์อย่างมาก
2.
การเงินของบริษัท
(Corporate Finance)
นักบัญชี
นักการเงินที่ทำหน้าที่นี้จะเป็นเสมือนกระเป๋าเงินให้กับองค์กรธุรกิจ
ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างมาก เพราะไม่ได้ถูกมองว่าเป็นแค่นักบัญชีเท่านั้น
แต่อาจจะมีความสำคัญถึงขั้นเป็น Partner ให้ผู้บริหารด้วยเช่นกัน
หน้าที่เริ่มตั้งแต่การจัดหาเงินเพื่อนำเงินมาใช้บริหารจัดการของบริษัท
โดยจะแบ่งเป็นใช้เงินทุน (Equity) ใช้เงินกู้ยืม (Debt) หรือใช้เครดิตทางการค้า (Supplier’s Credit) รวมทั้งดูแลการใช้เงินและจ่ายเงินของธุรกิจองค์กร
เรียกง่าย ๆ ว่าดูแลการเงินของบริษัทนั้นเอง
3.
สายหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ
(Securities and Investment Banking)
4.
ตัวอย่างเช่นเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์
และวาณิชธนากรจะต้องทำหน้าที่ให้คำแนะนำแก่ลูกค้า ทำหน้าที่จัดโครงสร้างทางการเงิน
หรือทำหน้าที่ด้าน Corporate Finance ดูแลการเงินของบริษัทอาจไม่สามารถดสินใจได้
แต่จะเป็นการให้คำแนะนำให้กับบริษัทสายจัดการลงทุน (Fund Management)
การทำงานที่เกี่ยวกับจัดการลงทุนเป็นงานวิเคราะห์อุตสาหกรรม
วิเคราะห์หลักทรัพย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสายบริหารเงิน
หรืออาจจะจัดการลงทุนเป็นหน่วยงานหนึ่งขององค์กรที่มีเงินเหลือ เช่น ธนาคารพาณิชย์
นอกจากนี้ยังสามารถทำงานสายจัดการลงทุนเพื่อให้องค์กรบริษัทอื่นได้ เช่น
องทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันชีวิต
บริษัทประกันภัย
นอกจากสายงานอาชีพเหล่านี้แล้วยังสามารถทำงานอาชีพหน้าที่อื่นได้
ตัวอย่างสายงานอาชีพอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ครูสอนงานบัญชีการเงิน นักการเงินอิสระ
เป็นต้น
ทักษะนักบัญชี
4 ทักษะของนักบัญชีที่ต้องมี เพื่อปิดบัญชีให้ทันและมีประสิทธิภาพ
อย่างที่ทราบกันดีว่าตำแหน่งนักบัญชีนั้นต้องมีความละเอียด รอบคอบ
รวมทั้งความรู้ความสามารถมากพอ จึงจะสามารถนำทักษะ ความรู้
ความสามารถที่มีอยู่นั้นมาเพื่อช่วยในการทำระบบบัญชีและรวมทั้งเพื่อปิดบัญชีให้ทันกำหนดได้
ทั้งนี้ทักษะที่นักบัญชีต้องมีเพื่อปิดบัญชีให้เสร็จสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพจะต้องประกอบไปด้วยทักษะอะไรบ้าง
ไม่รอช้าเราไปดูกันเลย
1.
ขั้นตอนแรกนักบัญชีจะต้องวันกำหนดส่งให้ดี
สำหรับขั้นตอนที่ 1 นี้ผู้ที่ทำบัญชีทุกคนก่อนที่จะมีการปิดบัญชีจะต้องทำการยืนยันวันที่กำหนดส่งซึ่งเป็นวันสำคัญในการที่จำเป็นจะต้องยื่นเอกสาร
เช่นจะมีการปิดงบการเงินงวดวันที่ 31 ธันวาคม วันสุดท้ายของการยื่นงบการเงินได้ก็คือวันที่ 31 พฤษภาคม
แล้ววันสุดท้ายของการยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล 150 วันนับตั้งแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีซึ่งนับเป็นแบบยื่นออนไลน์ก็จะสามารถขยายเวลาเพิ่มขึ้นไปได้อีกประมาณ
8 วัน เป็นต้น Deadline ซึ่งเป็นวันที่มีความสำคัญสำหรับผู้ที่ทำระบบบัญชีทุกคนทักษะของนักบัญชีในข้อนี้จึงจำเป็นจะต้องขาดไม่ได้เป็นอันขาดจะต้องคอยเช็ควันกำหนดส่งงานหรือวันเดธไลน์ในการทำเอกสารต่างๆให้ชัดเจน
2.
ต้องมีทักษะในการตกลงทำเอกสารที่ชัดเจน
กล่าวคือ
เอกสารเป็นส่วนประกอบหนึ่งในการทำระบบบัญชีในทุกอย่างเพราะการส่งเอกสารให้ผู้ประกอบการหรือผู้ประกอบการจะต้องส่งมอบเอกสารให้นักบัญชีมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
นักบัญชีจึงต้องมีความชัดเจนจะสร้างความคลุมเครือให้กับบริษัทธุรกิจหรือผู้ประกอบการไม่ได้เด็ดขาดจะต้องมีความพร้อมในเรื่องการเตรียมเอกสารจะต้องสามารถแนะนำเอกสารให้กับผู้ประกอบการได้ว่าเตรียมเอกสารอย่างไรถึงจะถูกต้อง
รวมทั้งจะต้องสามารถที่จะตกลงทำเอกสารระบุวันรับเอกสารได้อย่างชัดเจนเพื่อเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างเช่นบริษัทจะต้องส่งเอกสารอะไรให้กับนักบัญชีบ้างนักบัญชีจะต้องแจ้งผู้ประกอบการเช่น
รายการเดินบัญชีธนาคารของบริษัท เอกสารบัญชีประจำเดือนในเดือนสุดท้ายของบริษัท
เป็นต้น
3.
ทักษะการสื่อสารต้องดีเพื่อสื่อสารให้ผู้ประกอบการหรือธุรกิจองค์กรเข้าใจง่าย
ในการทำบัญชีอาจจะมีภาษาทางด้านบัญชีในการทำงานแต่ในการสื่อสารกับลูกค้าหรือผู้ประกอบการเพื่อแจ้งข้อมูลที่รับการตรวจสอบหรือการบันทึกบัญชี
ต้องมีการสื่อสารที่ชัดเจนเข้าใจง่ายและตรงไปตรงมารวมกระทั่งนักบัญชีจะต้องชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องของผลประกอบการและภาษีที่ต้องชำระหรือค่าธรรมเนียมอื่น
ๆ ร่วมด้วย
นักบัญชีไม่ควรคิดว่าเรื่องนี้ผู้ประกอบการรู้อยู่แล้วหรือธุรกิจจะต้องรู้แต่นักบัญชีจะต้องชี้แจงเพื่ออธิบายรายละเอียดได้เป็นอย่างดี
4.
ทักษะการวางแผนและทำงานร่วมกับผู้สอบบัญชี
หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องได้
ในการทำงานทางด้านระบบบัญชีนั้นนักบัญชีไม่ได้ทำงานเพียงคนเดียวอยู่แล้วเพราะฉะนั้นผู้สอบบัญชีเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องในเรื่องของการปิดงบการเงินเพราะจะต้องมีหน้าที่ตรวจสอบงบการเงินประจำปี
ดังนั้นนักบัญชีจะต้องมีการทำงานที่มีขั้นตอนตั้งแต่วางแผนไปจนถึงตกลงและเตรียมตัวในการทำเอกสารต่าง
ๆ ร่วมกับทั้งผู้ประกอบการผู้เกี่ยวข้องหรือผู้ตรวจสอบบัญชี
ดังนั้นนักบัญชีต้องไม่มองว่าตัวเองทำงานแค่ระบบบัญชีกับคนที่ตัวเองสนใจเท่านั้นแต่นักบัญชีจะต้องทำงานแบบประสานงานร่วมกับผู้อื่นได้ด้วยเช่นกัน
แล้วนักบัญชีได้เงินเดือนเท่าไร
เงินเดือนนักบัญชีสูงมากจริงหรือไม่?
นักบัญชีถือว่ามีความจำเป็นและสำคัญในทุกแวดวงธุรกิจองค์กร
ขาดนักบัญชีไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดเพราะถือเป็นบุคคลที่จะช่วยทำให้องค์กรได้ทราบถึงข้อมูลเชิงลึกและการบันทึกข้อมูลทางด้านการเงินโดยทั่วไปของบริษัทได้ด้วย
ไม่ว่าจะภาครัฐและภาคเอกชนองค์กรขนาดเล็กและองค์กรขนาดใหญ่ล้วนแต่ต้องการนักบัญชีเพื่อไปช่วยในการบริหารจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับนักบัญชีมืออาชีพหรือนักบัญชีมือสมัครเล่นหรือนักบัญชีที่เพิ่งจบใหม่คงมีคำถามว่าปัจจุบันนี้อาชีพนักบัญชีมีเงินเดือนอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่
วันนี้เราจึงนำตัวอย่างของรายได้ของนักบัญชีที่ใช้กันโดยทั่วไปทั้งนักบัญชีมือใหม่และนักบัญชีมืออาชีพ
ว่ามีฐานเงินเดือนอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่
เพื่อเป็นเกณฑ์ให้กับนักบัญชีโดยทั่วไปได้ทราบกันว่าแท้จริงแล้วนักบัญชีนั้นจะได้เงินเดือนเท่าไหร่กัน
กลุ่มงานนักบัญชีที่ไม่มีประสบการณ์ (เป็นเด็กจบใหม่)
สามารถแบ่งประเภทนักบัญชีออกเป็นตำแหน่งงาน ดังต่อไปนี้
1.
เจ้าหน้าที่บัญชี (Accounting Executive / Officer)
ฐานเงินเดือนโดยประมาณ 15,000 – 25,000 บาท
2.
ผู้ช่วยฝ่ายบัญชี (Accounting Assistant)
ฐานเงินเดือนโดยประมาณ 15,000 – 25,000 บาท
3.
นักวิเคราะห์บัญชี (Accounting Analyst)
ฐานเงินเดือนโดยประมาณ 18,000 – 25,000 บาท
4.
ผู้ตรวจสอบภายใน (Internal Auditor)
ฐานเงินเดือนโดยประมาณ 20,000 – 28,000 บาท
สำหรับฐานเงินเดือนของผู้ที่มีประสบการณ์หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นเด็กจบใหม่นั้น
ก็ขึ้นอยู่กับสังกัดองค์กรหรือบริษัทที่ทำงานร่วมด้วยเช่นกันหากนักบัญชีเข้าไปในทำงานบริษัทที่เป็นเอกชนและต้องควบตำแหน่งถึง
2 ตำแหน่งฐานเงินเดือนก็อาจจะไม่ได้เป็นฐานเงินเดือนดังกล่าวข้างต้นก็ได้เช่นกัน
กลุ่มงานนักบัญชีที่มีประสบการณ์
สามารถแบ่งประเภทนักบัญชีออกเป็นตำแหน่งงาน ดังต่อไปนี้
1.
เจ้าหน้าที่บัญชี (Accounting Executive / Officer)
ฐานเงินเดือนโดยประมาณ 28,000 – 40,000 บาท
2.
ผู้ช่วยฝ่ายบัญชี (Accounting Assistant)
ฐานเงินเดือนโดยประมาณ 28,000 – 40,000 บาท
3.
นักวิเคราะห์บัญชี (Accounting Analyst)
ฐานเงินเดือนโดยประมาณ 30,000 – 50,000 บาท
4.
ผู้ตรวจสอบภายใน (Internal Auditor)
ฐานเงินเดือนโดยประมาณ 30,000 – 60,000 บาท
ทั้งนี้ในเรื่องของเงินเดือนของนักบัญชีที่มีประสบการณ์จะได้เพิ่มตามวุฒิการศึกษาประกอบกับประสบการณ์ที่ได้ทำงานมารวมทั้งตำแหน่งงานที่ได้ทำงานในขณะนั้นด้วยเช่นกันหากนักบัญชีมีความรู้ความสามารถและผ่านประสบการณ์การทำงานมาในหลายบริษัทหรือหลายการทำงานในตำแหน่งนักบัญชีก็อาจจะมีเงินเดือนที่มากไปถึงระดับหลักแสนเลยก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามในการเป็นนักบัญชีนั้นขึ้นอยู่กับสังกัดบริษัทหรือองค์กรด้วยเช่นกัน
ความแตกต่างในเรื่องของรายได้นั้นก็คือขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆเรื่อง
ทั้งประสบการณ์ บริษัทองค์กร เป็นต้น ยังไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถของตัวเองอย่างเดียวเท่านั้น
การบัญชีการเงิน (Financial Accounting)
คงมีหลายคนหรือบางคนสับสนว่านักบัญชีการเงินกับนักบัญชีการบริหารเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรเพราะฟังดูแล้วก็ควรจะทำงานคล้ายๆกันแต่ทั้งนี้การทำงานของนักบัญชีการเงินและบัญชีการบริหารนั้นมีความแตกต่างกันหลายประการด้วยกันในเรื่องวัตถุประสงค์และหลักการทำงานก็มีความแตกต่างกัน
ถึงนักบัญชีการเงินหรือได้ไงว่าเป็นการทำงานด้านบัญชีการเงิน (Financial
Accounting) คนอื่นเราต้องรู้จักความหมายของการบัญชีการเงินกันก่อน
ความหมายของการบัญชีการเงิน (Financial Accounting)
การบัญชีการเงิน คือ
การจัดทำข้อมูลทางการบัญชีโดยทั่วไป
เพื่อนำข้อมูลทางบัญชีเหล่านั้นเสนอต่อบุคคลภายในหน่วยงานองค์กรเฉพาะแห่ง อาทิเช่น
มีการจักทำงบบัญชีการเงินเพื่อเสนอต่อผู้บริหารของหน่วยงาน ABC หรือกรณีมีการจัดทำบัญชีขึ้นเพื่อนำเสนอต่อบุคคลภายนอกหน่วยงานเพื่อให้ทราบข้อมูลบางส่วน
เช่น นำเสนอข้อมูลงบกระแสเงินสดหรืออื่น ๆ
ต่อนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ข้อมูลแสดงต่อเจ้าหนี้
ข้อมูลที่จัดทำขึ้นเพื่อเปิดเผยต่อหน่วยงานของรัฐอย่างกรมสรรพากร
รวมทั้งจัดทำข้อมูลบัญชีขึ้นเพื่อให้บุคคลภายนอกทั่วไปที่ต้องการข้อมูลทางการเงินไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ
โดยในการจัดทำข้อมูลทางการบัญชีการเงินจะต้องมีการจัดทำไปตามมาตรฐานการบัญชีที่ได้กำหนดเอาไว้แล้วเท่านั้น
และจะต้องเป็นที่รับรองโดยทั่วไปด้วย จะไม่สามารถคิดแบบใหม่ขึ้นมาเองได้
เพื่อให้ความเข้าใจในการอ่านหรือตรวจสอบงานบัญชีที่ได้จัดทำ
รวมทั้งการส่งมอบงานบัญชีการเงินที่จัดทำขึ้นเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความเข้าใจตรงกัน
แล้วบัญชีบริหารต่างจากการบัญชีการเงินอย่างไร
โดยทั่วไปแล้วนักบัญชีการเงินจะต้องทำบัญชีการเงินขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใช้ในงบการเงินต่าง
ๆ โดยจะต้องนำข้อมูลทั้งหมดที่มีมาทำระบบบัญชีขึ้น ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น
และนักบัญชีการเงินจะมีการทำบัญชีการเงินเพื่อให้ทั้งคนในองค์กรหรือคนนอกองค์กรได้ดูข้อมูลได้ด้วยเช่นกัน
แต่สำหรับการบัญชีบริหารหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Management Accounting เป็นการทำบัญชีขึ้นเฉพาะเพื่อนำเสนอต่อบุคคลภายในองค์กรซึ่งเป็นในระดับผู้บริการเท่านั้น
ดังนั้นข้อมูลจะเป็นการดึงข้อมูลที่ได้สรุปมาแล้วบางส่วนเพื่อช่วยให้นักบริหารในองค์กรสามารถวางแผนและตัดสินใจดำเนินการอะไรบางอย่างต่อไปได้
ทั้งนี้นักบริการโดยทั่วไปแล้วจะขอเรียกดูข้อมูลเพียงบางส่วนซึ่งผู้ที่ทำงานบัญชีบริหารก็ต้องมีความเข้าใจเรื่องการบริหารว่าข้อมูลส่วนใดที่มีความจำเป็นและสำคัญที่สุดเพื่อช่วยประกอบการวางแผนได้บ้าง
ดังนั้นข้อมูลบัญชีการบริหารจะมักเป็นข้อมูลที่สรุปไม่เน้นรายละเอียดเน้นเชิงลึกเพื่อประกอบการตัดสินใจและสร้างกลยุทธ์
ส่วนข้อมูลบัญชีการเงินจะมีความละเอียดกว่าและสามารถดูเชิงลึกได้
ซึ่งจะให้ประโยชน์ที่ต่างกันกับบุคคลที่ต่างกันนั้นเอง
ใครที่ต้องการทำงานสายบัญชีจำเป็นต้องเข้าใจก่อนว่าสายงานบัญชีไม่ได้เปิดกว้างให้กับคนที่เรียนจบมาจากสาขาอื่น
เนื่องจากงานบัญชีเป็นงานเฉพาะทาง
ที่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของงานอย่างลึกซึ้ง
เพราะสายงานบัญชีไม่สามารถฝึกหัดกันได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว เหมือนสายงานอื่น ๆ
การเป็นนักบัญชีต้องอาศัยความรู้ความสามารถความเชี่ยวชาญประมาณหนึ่งเลยเพื่อให้สามารถเป็นนักบัญชีที่ดีได้
สามารถทำงานเป็นนักบัญชีที่มีจรรยาบรรณต่องานวิชาชีพของตนเอง
ผู้ที่หางานบัญชีควรเป็นผู้ที่จบการศึกษามาจากคณะต่าง ๆ ดังนี้
1.
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
(สาขาการบัญชี)
2.
คณะเศรษฐศาสตร์
(สาขาการบัญชี)
3.
คณะบริหารธุรกิจ
(สาขาการบัญชี)
4.
คณะสังคมศาสตร์
(สาขาการบัญชี)
5.
คณะวิทยาการจัดการ
(สาขาวิชาการบัญชีบริหาร)
6.
คณะบริหารศาสตร์
(สาขาการบัญชี)
จบแล้ว ทำงานตำแหน่งอะไรได้บ้าง?
1.
นักบัญชี / พนักงานบัญชีอยู่ในสำนักงานบัญชี
(มีหน้าที่ดูแลบัญชีต่าง ๆ ของบริษัทที่มาจ้าง ซึ่งหนึ่งคนอาจจะดูแลบัญชีมากกว่า 1 บริษัท)
2.
ที่ปรึกษาทางบัญชี
/ ผู้ตรวจสอบบัญชี / ผู้สอบภาษี
3.
ผู้วางระบบหรือเขียนโปรแกรมบัญชี
4.
นักวิเคราะห์ต้นทุน
5.
เจ้าหน้าที่ทางการเงิน
/ เจ้าหน้าที่ทางการตลาด
6.
เจ้าหน้าที่ของธนาคาร
/ เจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์หรือตลาดหลักทรัพย์
7.
วิทยากร / ผู้สอน
วิชาบัญชี
8.
ภาษีอากร
9.
นักการตลาด /
นักวิจัยการตลาด / นักลงทุน และอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามอาชีพหรือเส้นทางของการเป็นนักบัญชีนั้นเรียกได้ว่าเรียนมาอย่างไรก็ใช้งานได้แบบนั้นเลย
เพราะเป็นสายงานที่ไม่ได้เหมือนกับสายสังคม มีความเฉพาะตัวของสายงาน มีหน้าที่ความถนัดและความสามารถที่ต้องใช้งานอย่างชัดเจน
ดังนั้นเมื่อคุณได้อ่านบทความนี้จนจบแล้วคงได้คำตอบของการเป็นนักบัญชีที่คุณต้องการเป็นอย่างดี
ซึ่งก็ต้องอย่าลืมลืมการทำงานนักบัญชีนั้นต้องตระหนักถึงจรรยาบรรณในวิชาชีพนี้ด้วยเช่นกัน